Monthly Archives: August 2018

ISO Surveillance audit :Aug 24 2018

บันทึกไว้ในประวัติหนึ่งหน้า

ครั้งหนึ่ง QMR เคยได้นำนาวาฝ่าการตรวจประเมินระบบบริหารงานคุณภาพ…..

 

 

เรียนทุกท่าน

ผลการตรวจปนะเมิน ซึ่งปิดการตรวจไปเมื่อ 1600 น. ที่ผ่านมานี้

ครอบคลุมการดำเนินการทุกแผนก ของ บมจ.สเตรกา

ทีม เอ      การตลาด จัดซื้อ บุคคล และ สารสนเทศ

ทีม บี       QMR / DCC ปฏิบัติการ ซ่อมบำรุง ทรัพย์สิน และ คลังสินค้า

ทีม ซี       ปฏิบัติการ หน่วยงาน HDD KP035 ผรม.เช่าอุปกรณ์สเตรกาไปทำงาน HDD

 

ภาพรวมของการตรวจประเมินระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9001:2015 ในส่วนของการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ 90 เปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้ มี 2 กิจกรรรม ไม่สอดคล้องในระดับเบา ซึ่งต้องทำการปิด NC CAR ภายใน 60 วัน

และมี OFI ซึ่งไม่มีผลต่อการออกใบประกาศฯในครั้งนี้ เพื่อพิจารณาปรับปรุงในครั้งหน้า จำนวน 8 เรื่อง

 

NC 2 กิจกรรมได้แก่

  1. ข้อกำหนด 9.3 การทบทวนโดยฝ่ายบริหาร ซึ่งมีวาระการพิจารณาตามข้อกำหนด ขาด Output ของ 5 วาระที่ต้องแสดงให้เห้น ได้แก่
  • การทบทวนการเปลี่ยนแปลงบริบทองค์กร
  • ติดตามสถานการณ์แก้ไขป้องกันของ NC ว่าปิดไปเท่าใด เหลือเท่าใด
  • การเฝ้าระวังและการวัด
    • การวิเคราะห์ผลต่าง ๆทางสถิติ เช่น ผลประเมินของลูกค้า ผลประเมินผู้บริหารภายนอก (ตามข้อกำหนด 9.1)
    • ทบทวนที่มา / วิธีการการประเมินว่าเหมาะสม และ ต้องปรับปรุงหรือไม่
  • ผลการประเมินผู้จัดหาบริการภายนอก ต้องมีการรายงาน
  • การนำ ประสิทธิผล ความเสี่ยง และ โอกาส มาทบทวน
  1. ข้อกำหนด 6.2.1 (d) KPI พบว่า มีการกำหนด KPI แผนกครบถ้วน แต่ขาดการต่อเนื่อง ได้แก่ Operation  , Purchase , IT , HR

 

Observation 8 รายการ

  1. การสื่อสารสู่ภายนอก
  2. การบันทึกผลการตรวจ Audit ลงในเอกสาร C/NC/OBS
  3. การควบคุมเครื่องมือวัด Criteria รายการเครื่องมือที่ยังค้างเก่า ให้เอาออก
  4. การตรวจสอบความหนืดของน้ำโคลน ให้ระบุความชัดเจนว่าต้องวัดที่ใด ดินชนิดใด
  5. ความเสี่ยงของความต้องการ และ ความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
  6. Corrective Action ใบ CAR Log sheet ต้องทำการ Update ด้วย Master list ของ WI ไม่อัพเดต
  7. การควบคุมเอกสารสารสนเทศให้เพิ่มเข้าไปใน Procedure ด้วย การบ่งชี้สถานะของเอกสารสารสนเทศกลุ่ม FM (Form)
  8. การควบคุมการเบิกจ่ายอะไหล่ เอกสารการเบิก ไม่สอดคล้อง (ที่สุ่มตรวจ)

 

 

สำหรับ NC ทั้งสองรายการ ทาง QMR จะทำการตอบกลับไปยัง Auditor โดยเร็ว โดยหลังจาก Auditor ปิดเอกสารให้ จะออกใบรับรองให้ใช้แทน Certificateก่อนได้ รวมทั้งโลโก้ ที่จะเอาไปใส่ตามเอกสาร หรือ หัวจดหมาย

โดยการลงทะเบียนไปยังประเทศอังกฤษ จะส่ง CERTIFICATE ตรงมาสเตรกา ไม่เกิน 60 วัน

ส่วน OFI ทั้งแปดข้อนั้น ขอให้ปรับปรุง และ จะติดตามในการตรวจติดตามครั้งหน้า ประมาณเดือน สิงหาคม 2562

 

ในฐานะ QMR ขอขอบคุณที่งานทุก ๆท่าน ที่ร่วมมือร่วมใจในการเตรียม ตรวจสอบ ติดตาม และ แก้ไข ระบบบริหารงานคุณภาพของเรา จนสามารถผ่านการตรวจประเมินระบบ ISO9001:2015 ในครั้งนี้ครับ

 

Best Regards,

 

Adisorn Kheawsomboon

QMR

 

Mobile : +66 8 1702 6494

Email : adisorn@strega.co.th

ประสบการณ์ประทับใจ โดย คณวัฒน์ ธีรนิธิวัฒน์

เครดิต เฟซบุค คณวัฒน์ ธีรนิธิวัฒน์

 

ผมเริ่มทำงานครั้งแรกที่บริษัทส่งออกผลไม้อบแห้งแห่งหนึ่ง เป็น Family Business สไตล์กงสีแบบคนจีน เถ้าแก่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่ตะลุยส่งออกไปทั่วโลก โดยมีตลาดหลักอยู่ที่ยุโรป อเมริกา และเอเชีย
ทำงานผ่านไปเพียง 3 อาทิตย์ เถ้าแก่เรียกผมเข้าไปพบ บอกให้เตรียมตัวไปทำงานที่ต่างประเทศด้วยกัน 1 เดือน ไปออกงานแสดงสินค้าที่เยอรมัน 1 อาทิตย์เต็ม หลังจากนั้นอีก 3 อาทิตย์แวะไปเยี่ยมลูกค้ากันต่อตามเมืองต่างๆ ในอีก 3 ประเทศ คือ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์
งานแสดงสินค้าที่ไปร่วมเป็น World Class Food Exhibition ชื่อ ANUGA จัดที่เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมัน เป็นงานแสดงสินค้าด้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของโลกแล้วครับ
จริงๆ ก่อนที่ผมจะเข้าไปทำงาน บริษัทได้เซ็ททีมสำหรับทริปนี้กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีด้วยกันทั้งหมด 4 คน คือ 1. ตัวเถ้าแก่ 2. ผจก. แผนกส่งออก 3. รอง ผจก. แผนกส่งออก และ 4. พนักงานเก่าแก่ที่บริษัทให้ไปเที่ยวเป็นรางวัลตอบแทนที่ทำงานมาอย่างยาวนาน
จู่ๆ ผู้จัดการติดภารกิจสำคัญ ไปด้วยไม่ได้ ส้มจึงหล่นใส่เด็กละอ่อนประสบการณ์อย่างผมเข้าจังเบ้อเล่อ
เป็น “คุณ” จะดีใจไหมครับ เพิ่งทำงานได้ไม่ถึงเดือน
จะได้ไปตะลุยยุโรปแบบชุ่มปอดขนาดนั้น ?
บอกตามตรงครับ อารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นมันผสมปนเปไปหมด ดีใจแต่ก็แอบกลัวอยู่ลึกๆ อย่าว่าแต่ประสบการณ์ธุรกิจเลย ตอนนั้นแค่งานพื้นฐานของบริษัทผมยังเรียนรู้ไม่หมดเลยครับ

—–
เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง เราเลือกพักอยู่ที่เรือโรงแรม (Hotel Ship) ที่จอดลอยลำอยู่ริมแม่น้ำไรน์ (Rhein River) ฝั่งตรงกันข้ามกับ Koelnmesse ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแสดงสินค้า เดินทางก็สะดวก ไป-กลับก็เพียงนั่งเรือ Ferry ข้ามแม่น้ำไรน์ไปมา
บรรยากาศของแม่น้ำไรน์สวยสุดยอดมากๆ
ผมว่าถ้า “คุณ” มีโอกาสได้ไปอยู่ตรงนั้นแบบผม “คุณ” ต้องชอบมันแน่เลย
ในฐานะน้องใหม่ ผมได้รับมอบหมายหน้าที่ให้คอยต้อนรับลูกค้า รวบรวมนามบัตร จดบันทึก Inquiry และ Order ลงสมุด และคอยดูแลกระเป๋าเอกสารของบริษัท
เอกสารสำคัญทุกอย่างเก็บอยู่ในกระเป๋าใบนี้…..ใบเดียว ไปไหนมาไหนผมจึงต้องสะพายกระเป๋าเอกสารติดไปกับตัวด้วยตลอด
ในแต่ละวันมีทั้งลูกค้าทั้งเก่าและใหม่มาเยี่ยมที่บูทเป็นจำนวนมากมาย จบงาน 7 วัน หมดสมุดจดบันทึกเล่มโตๆไป 2 เล่มเลยครับ
…มันคือสมุดที่อัดแน่นไปด้วย “ออเดอร์” + “โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ”

…มันคือผลงานจากการทำงานหนักตลอด 7 วัน และการเตรียมการล่วงหน้าที่ยาวนาน

…และมันคือเป้าหมายสูงสุดของการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลถึงเมืองเบียร์ในครั้งนี้

—–
ทันทีที่จบภารกิจที่โคโลญจน์ เราเดินทางไปฝรั่งเศสในวันรุ่งขึ้นต่อทันที
จุดหมายปลายทางแรกอยู่ที่ปารีสครับ
โรงแรมเรียกรถแท็กซี่ให้มารับตั้งแต่เช้ามืด แท็กซี่เข้ามาจอดรอรับอยู่บนถนนคู่ขนานหน้าโรงแรม เราลากสัมภาระทั้งหมดขึ้นจากเรือใส่กระโปรงหลังแท็กซี่ก่อนรีบบึ่งไปสนามบิน
เมื่อมาถึงสนามบิน ก็ตรงไป Check-In ทันที
ขณะที่ทุกคนกำลังสาละวนอยู่กับการจัดแจงเอกสารและกระเป๋า เถ้าแก่หันมาถามผมด้วยสำเนียงคนจีน…ท่าทางตกอกตกใจ
“อาบอล (บอลคือชื่อเล่นผม) กระเป๋าเอกสารลื้อหายไปไหน ?
ทันทีที่เสียงของเถ้าแก่แวกอากาศมาสัมผัสที่โสตหูของผม เชื่อไหมครับว่าหัวใจของผมมันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเลย ตาผมมองไปที่เถ้าแก่เลิกลั่ก มือก็คว้านหาที่ข้างลำตัวไปมาอยู่หลายที
กระเป๋าที่ผมสะพายติดตัวอยู่ตลอด 7 วันดันหายไปไหน ?
ผมหันไปรื้อค้นกองสัมภาระอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็ยอมแพ้…หาเท่าไรก็ไม่พบ
ผมมั่นใจ 100% ว่าผมเอากระเป๋าใส่หลังรถแท็กซี่มาเรียบร้อยแล้ว แต่ที่เหลืออีกสามคนก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีอะไรตกค้างอยู่ในรถแน่ๆ
หัวใจผมเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ
มือไม้มันเย็นและอ่อนแรงไปหมดจริงๆครับ
ในใจได้แต่คิดโทษตัวเองแค่กระเป๋าใบเดียวยังรักษาไม่ได้
Boarding Time ก็ไล่หลังมาทุกที ทีมงานทุกคนเริ่มส่งเสียงโล้งเล้งกันลั่นสนามบิน
มันบีบคั้นไปหมด
ถ้ากระเป๋าหาย ทริปนี้ก็พัง … หัวผมคงขาด
กลับไปคงโดนไล่ออกแน่ๆ
โดนไล่ออกทั้งๆที่ยังไม่พ้นช่วงโปรเลย
ถ้า “คุณ” อยู่ในสถานการณ์เดียวกับผม
“คุณ” จะหาทางออกยังไงดีครับ ???
.
.
.
.
.
ไม่มีอะไรจะเสีย ผมตัดสินใจเรียกแท๊กซี่กลับไปหาที่โรงแรม

ทุกคนต่างค้านเป็นเสียงเดียวเพราะเหลือเวลาที่จะ Boarding อีกไม่นานแล้ว

หัวเด็ดตีนขาดยังไงผมก็ต้องย้อนกลับไปที่โรงแรมให้ได้

ผมจะปล่อยให้ทุกอย่างมาพังเพราะผมไม่ได้เด็ดขาด
ผมยืนยันกระต่ายขาเดียวจนเถ้าแก่ต้องปล่อยให้ผมไป
ระยะทางจากสนามบินไปโรงแรมน่าจะสักประมาณ 20-30 นาที ผมพยายามคิดทบทวนเหตุการณ์อยู่หลายตลบ ภาพจำติดตาจนแน่ใจว่าผมเป็นคนเอากระเป๋าเอกสารใส่ไว้กระโปรงหลังรวมกับสัมภาระอื่นๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เป็นคนใส่เองกับมือ ผมมั่นใจเกินร้อยเลย ทำไมถึงหายไปไหนได้ ? แล้วหายไปไหน ?
ทันทีที่ถึงโรงแรม ผมรีบวิ่งเขาไปถามที่ Counter เผื่อจะลืมทิ้งไว้ที่ล๊อบบี้ขณะนั่งรอแท็กซี่

พนักงาน 2-3 คนก็พยายามช่วยหา ผมหาไปก็มองนาฬิกาไป กลัวจะตกเครื่อง

หาได้สักพัก ผมก็หยุด เพราะคงไม่มีแน่ๆ
หรือจะลืมทิ้งไว้ในห้องพัก ?
พอนึกขึ้นมาได้ ผมรีบบอกพนักงานช่วยไปเปิดห้องที่ผมพักให้หน่อย
เข้าไปค้นดูทุกซอกทุกมุม ทั้งในตู้เสื้อผ้า ใต้ผ้าห่ม ในห้องน้ำ ค้นอยู่หลายรอบ

ค้นไป มองนาฬิกาไป …แข่งกับเวลาอยู่ทุกวินาที
จนแล้วจนเล่าก็ไม่เจอแม้เงาครับ
ตอนนั้นแทบจะหมดแรง ทำอะไรต่อไม่ถูก หลังพิงผนังห้อง เข่าค่อยๆทรุดลง จนลงไปนั่งกองกับพื้น
ใจมันนึกแต่เรื่องโดนไล่ออก คิดเตลิดไปถึงว่ากลับไปบ้านจะบอกแม่ยังไง ได้มางานทำต่างประเทศแต่สุดท้ายโดนเขาไล่ออก
โดนไล่ออก … โดนไล่ออก … โดนไล่ออก
มันวนเวียนอยู่ในหัวอยู่ตลอดเวลา
พนักงานโรงแรมเห็นผมเศร้าๆ ก็พยายามเข้ามาปลอม ผมเลยบอกเขาให้เรียกแท็กซี่ให้ผมหน่อย ผมจะกลับไปที่สนามบินแล้ว
มันหมดหวังแล้ว กระเป๋าคงหายแน่ๆแล้ว
พอสิ้นคำที่ผมพูดกับพนักงานเท่านั้น อยู่ดีๆ “ภาพจุดที่แท๊กซี่มาจอดรับ” ก็ลอยเข้ามาหัวผม
ใช่แล้ว…ยังเหลืออีกจุดหนึ่ง
ผมรีบวิ่งออกจากเรือขึ้นไปที่ถนนอย่างไม่คิดชีวิต
ฟ้ายังไม่สางดี ถนนมีเพียงแค่ไฟสลัวๆเปิดอยู่ รถรายังไม่ออกมาวิ่งมากนัก

ผมเดินหาบนฟุตบาท เดินเป็นหนูติดจั่นเลยครับ
เวลาก็เดินไปไวมาก เวลาเหลือน้อยแล้ว สุ่มเสี่ยงที่จะตกเครื่องเต็มที
เดินหาไปมาอยู่หลายรอบ
ไม่มีวี่แวว ..ไร้ร่องรอย …ความหวังสุดท้ายนล่องลอยหายไปกับแม่น้ำไรน์
หันรีหันขว้างจะเดินกลับไปที่โรงแรมให้เขาเรียกแท็กซี่ให้
เหมือนสวรรค์มาโปรด หางตายซ้ายผมเหลือบไปเห็นเงาลางๆบางอย่างที่ถนน
.
.
.
.
.

ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยครับ “กระเป๋าเอกสารสีดำ” แทรกตัวอยู่ในความสลัว ตั้งอยู่บนถนนเกือบๆจะกลางเลนที่ 2 มันอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีใครเห็น โดยไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
ผมวิ่งไปเอาขึ้นมากอดไว้แน่น ตะโกนดีใจสุดเสียงลั่นถนน น้ำตามันไหลออกมาไม่รู้ตัว
มันเหมือนยกภูเขาออกจากอก ความรู้สึกเหมือนรอดตาย เหมือนเกิดใหม่ยังไงยังงั้นเลยครับ
ถ้า “คุณ” อยู่ใกล้ๆ “คุณ” คงโดนผมกระโดดกอดแน่ๆ
ลองนึกภาพว่า “คุณ” เป็น “ผม” ดูซิ คุณคงดีใจไม่แพ้ผม
ผมรีบวิ่งกลับไปที่โรงแรมให้เขาเรียกรถไปสนามบินให้ พนักงานเห็นผมกลับมาพร้อมกระเป๋า เขาดีใจกันยกใหญ่เลยครับ แขกที่นั่งอยู่ที่ Lobby ก็เข้ามาแสดงความดีใจกับผมหลายคน
พอแท็กซี่มาถึง ผมบอกให้เขาอัดเต็มที่ มีกี่สูบอัดให้หมด แม้จะไม่ค่อยเข้าใจภาษาอังกฤษ แต่โชเฟอร์ชาวด๊อยซ์คนนี้คงพออ่านอากัปกริยาผมได้ ได้ผลครับ แท็กซี่ยี่ห้อ Mercedez Benz พุ่งเป็นจรวดอัดไม่ยั้ง โดยกล้องจับความเร็วถ่ายไป 2 รอบ (ต้องไปเสียค่าปรับ แต่พี่แกก็บอก No Problem อย่างเดียว 555)
เมื่อไปถึงสนามบิน ผมรีบวิ่งไปที่จุดนัดพบ เจอแต่เถ้าแก่นั่งรอผมอยู่คนเดียว อีก 2 ท่านขึ้นเครื่องไปฝรั่งเศสได้สักพักแล้ว
ตอนหลังผมมารู้ว่ามีการโต้เถียงในสนามบินกันยกใหญ่ระหว่างเถ้าแก่ และทีมงาน 2 ท่านนี้เพราะเถ้าแก่ต้องการให้ทุกคนอยู่คอยผม ไปไหนมาไหนต้องไปเป็นทีม แต่ 2 ท่านนี้ไม่ยอมท่าเดียว สุดท้ายเถ้าแก่ก็บอกให้ 2 คนนี้บินไปกันก่อน แกจะรอผม
เถ้าแก่เห็นผมกลับมาพร้อมกระเป๋าก็ดีใจยกใหญ่ แกยิ่งคำถามสำเนียงไทยปนจีนใส่ผมเป็นชุด ตั้งหลักตอบไม่ทันเลย
คุยกันได้สักพัก เราก็ไปจองตั๋วใหม่กัน (ทำบริษัทเสียเงินอีกแล้ว 555) เตรียมมุ่งหน้าสู่นครปารีสจริงๆเสียที

——
ดูเหมือนเรื่องจะจบ…แท้จริงแล้วการผจญภัยครั้งใหม่กำลังเริ่มขึ้นต่างหาก
เมื่อไปถึงโรงแรมที่ฝรั่งเศส เถ้าแก่ตรงไปที่ห้องพักของรองผู้จัดการ และเรียกพนักงานที่ได้รางวัลตอบแทนให้มาเที่ยวเข้ามาคุย ไม่รู้คุยกันยังไงครับ สักพักเถ้าแก่กลับมาที่ห้อง (ผมพักห้องเดียวกับท่าน)
“อาบอล อั๊วให้สองคนนั้นกลับเมืองไทยพรุ่งนี้”
หา ! ผมอุทานด้วยความตกใจ
“อั๊วให้อีสองคนกลับเมืองไทย” เถ้าแก่ย้ำ
“ลื้อ จะไปต่อกับอั๊วไหม ?” เถ้าแก่ถาม
ผมเพิ่งทำงานได้ไม่ถึงเดือน ผมยังไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไรเลย แล้วจะให้ผมไปคุยอะไรกับลูกค้า ลูกค้ารายใหญ่ๆทั้งนั้น เดี๋ยวผมจะก่อเรื่องให้อีกละซิ ผมบอกเถ้าแก่ไปตรงๆ
“ลื้อ คอยแปลให้อั๊วฟังว่าลูกค้าพูดคุยอะไร แล้วอั๊วจะบอกให้ ลือก็ตอบเขาไป”
“ลื้อ ช่วยอั๊วแค่นี้ไหวไหม”
“ลื้อ ไม่ต้องกลัว” “อั๊ว เห็นลื้อตัดสินใจเรื่องกลับไปหากระเป๋าที่โรงแรม”
“ลื้อ กล้า (หาญ) ดี”
“เรื่องแค่นี้ลื้อทำได้แน่นอนอาบอล”
“ลื้อ ลองตัดสินใจดูก็ได้ ถ้าลือไม่โอเคร ส่ง Fax (ตอนนั้นยังไม่มี email ไม่มีไลน์เลย 555) ไปแจ้งยกเลิกนัดลูกค้า แล้วเราอยู่เที่ยวที่ปารีส 2-3 วันแล้วค่อยกลับกัน”
“ถ้าลือตัดสินใจไป พรุ่งนี้เราเที่ยวปารีสกันให้เต็มที่ แล้ววันรุ่งขึ้นก็ลุยกันเลย”

เจอแบบนี้เข้าไป

ถ้าเป็นคุณจะทำอย่างไรครับ ?
ผมตัดสินใจฉับทันทีเลยครับ
ผมตอบเถ้าแก่ “ลุยไหนลุยกัน”
ผมไปลุยฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ต่อกับเถ้าแก่อีก 3 อาทิตย์เต็มๆ

คนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย อีกคนไม่รู้เรื่องธุรกิจอะไรเลย !
ขอบอกมันส์สุดๆๆๆๆ
ต้องบอกเลยว่ามันเป็น 3 อาทิตย์ที่สุดล้ำค่ามากๆสำหรับผม ผมได้เรียนรู้อะไรต่ออะไรหลายอย่าง เรียกว่าประเมินค่าไม่ได้จริงๆ
ผมได้เห็นการทำธุรกิจสไตล์เถ้าแก่ที่ตัดสินใจว่องไว เฉียบขาด และเด็ดขาด ผมได้เรียนรู้การทำธุรกิจระหว่างประเทศกับบริษัทยักษ์ๆหลายแห่ง ผมเห็นช่องทางในการทำธุรกิจส่งออกมากมาย ทุกวันนี้ผมยังคงใช้ประสบการณ์จากตรงนั้นมาต่อยอดการส่งออกของ “ไอฟาร์ม” อยู่เลย
ในระหว่าง 3 อาทิตย์ผมยังผจญภัยอะไรต่ออะไรอีกหลายเรื่องหลายราว ทั้งโดนโจรในปารีสล้วงกระเป๋าจนหมดตัว ทั้งตกลิฟท์ที่เบลเยี่ยม และต่อรถไฟไปเนเธอร์แลนด์ผิด วันหน้าผมค่อยเอามาเล่าให้ฟัง

—–
ตัดภาพกลับมาที่เมืองไทย จบภารกิจทริปยุโรปผมกลับมาทำงานที่บริษัทตามปกติ แต่งวดนี้ผมไม่เจอ 2 ท่านที่โดนให้กลับมาเมืองไทยก่อนแล้ว
2 ท่านนี้โดนให้ออกครับ
คิดว่าโดนไล่ออกเพราะมีเรื่องที่ฝรั่งเศสใช่ไหมครับ ?
ไม่ใช่เรื่องนั้นเลยครับ
เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ
ก่อนหน้านี้ บริษัทระแคะระคายว่ามีการทำทุจริตเกิดขึ้น และ 2 ท่านนี้อยู่ในข่ายน่าสงสัยครับ บริษัทจึงทำทีให้ 2 ท่านโดยเฉพาะพนักงานคนที่ทำงานมายาวนานไปในทริปนี้ด้วย ระหว่างที่ 2 คนนี้ไม่อยู่ บริษัทใช้ช่วงเวลานั้นค้นหาและรวบรวมหลักฐานการทุจริตทั้งหมดจนครบ
กลับมาทำงานได้ไม่กี่วัน ก็โดนไล่ออกครับ
ส่วนผมทำงานต่อไม่เท่าไร ก็ครบโปร เถ้าแก่ก็เรียกเข้าไปพบ แกให้เงินเดือนผมเพิ่มอีก 7,000 บาท ตอนแรกผมได้เงินเดือนแค่ 11,000 บาท ผ่านไป 3 เดือนพุ่งทยานไป 18,000 บาทเลยครับ
เถ้าแก่บอกเหตุผลกับผมอย่างนี้ครับ
“อาบอล ลื้อเป็นนักรบ”
“ลื้อ กล้าหาญ” “ลื้อ ไม่กลัว”
“กระเป๋าใบนั้นมันเป็นกระเป๋าแห่งความกล้าหาญของลื้อ”
“ไปยุโรปครั้งนี้ เราประสบความสำเร็จกลับมามากมายลื้อรู้ไหม”
แถมทำงานต่ออีก 2-3 เดือน เถ้าแก่ก็ให้ผมไปหาซื้อรถ บริษัทจะซื้อให้ก่อน แล้วให้ผมไปผ่อนกับบริษัทเอา จะให้ตัดเงินเดือนละเท่าไร ก็แล้วแต่ผมจะสะดวก รถคันแรกในชีวิตของผม ก็ “ไฟแนนซ์” ที่ชื่อว่า “เถ้าแก่” จัดให้ละครับ

—–
ตัวผมเองได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเรื่องนี้ และคิดว่าน่าจะมีประโยชน์อยู่ไม่น้อยที่จะนำมาแบ่งปันกันครับ
หนึ่ง
ผมคิดว่าในชีวิตของคนเราจะต้องเจอสถานการณ์ Critical ที่ต้องตัดสินใจเข้ามาท้าทายเราอยู่เรื่อยๆ ให้กล้าตัดสินใจครับ อย่าลังเล เพราะการไม่ตัดสินใจสุดท้ายแล้วก็คือการตัดสินใจแบบหนึ่ง วันนั้นถ้าผมตัดสินใจช้าไปเพียงเสี้ยวนาที ผมอาจไม่โชคดี กระเป๋าอาจจะหายไปแล้ว วันนั้นถ้าผมกลัว ไม่กล้าไปต่ออีก 3 ประเทศ ผมคงพลาดโอกาสดีๆในชีวิตไป
เมื่อไรที่ผมกลัวการตัดสินใจ ผมจะนึกถึงเรื่องนี้ทุกครั้งไป
ผมเชื่อว่าคุณเองก็มีเรื่องกล้าหาญอยู่หลายเรื่องเหมือนกัน อย่าลืมหยิบมันมาใช้นะครับ
สอง
อย่าหมดหวัง แม้โอกาสจะริบหรี่เพียงใดก็ตาม มหัศจรรย์ที่คาดไม่ถึงมักเกิดขึ้นกับคนที่มีความเชื่ออันแรงกล้าเสมอ ทุกวันนี้ผมยังไม่เข้าใจเลยว่าจู่ๆภาพจุดที่แท๊กซี่มาจอดรับผุดขึ้นในความคิดได้อย่างไร ในชีวิตเราจะเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ ไม่เชื่อลองนั่งนึกดูซิครับ จู่ๆ ก็ทำได้ …จู่ๆ ก็นึกได้ …จู่ๆ ก็ค้นพบ
ไม่ใช่ความบังเอิญหรอกครับ
เป็นเพราะเราไม่เคยหมดหวัง เราจึงทำนานพอที่จะประสบความสำเร็จไงครับ
สาม
ในทุกเรื่องที่เราตัดสินใจ จะมีคนมองเราอยู่ ประเมินเราอยู่ตลอดเวลาครับ ทำให้เต็มที่ ทำให้สุดกำลัง วันหนึ่งเราจะได้รับรางวัลตอบแทนไม่ทางใดก็ทางหนึ่งครับ
สี่
ขอให้เชื่อผมว่าทุกการผจญภัยจะให้ความรู้และประสบการณ์ชุดใหม่แก่เราเสมอ อย่ากลัวที่จะทำงานที่ไม่คุ้นเคย ทำงานที่เราไม่มีประสบการณ์มาก่อน จงตอบรับการผจญภัยใหม่ๆโดยไม่ลังเล
เราจะโตแบบก้าวกระโดด เมื่อเราพิชิตการผจญภัยในแต่ละครั้ง
ห้า
จงเป็นคนที่เชื่อถือได้ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ข้อนี้สำคัญที่สุด

—–
เหตุการณ์ที่ผมเล่าผ่านมาหลายสิบปีแล้ว แต่ผมก็ยังนึกถึงมันอยู่เสมอ
ทุกครั้งผมพยายามคิดหาคำตอบว่าทำไมกระเป๋าถึงถูกเอาไปวางทิ้งอยู่บนถนนแบบนั้น

ตัวผมคงไม่เอามันไปวางตรงนั้นแน่ๆ
.
.
.

“คุณ” พอจะรู้ไหมว่าใครเอามันไปทิ้งไว้ ???
บางทีคำตอบของคุณอาจจะเป็นคำตอบเดียวกับผมก็ได้นะ
.
.

คิดแล้วเก็บไว้ในใจนะครับ !!
.
.
——–
โดย คณวัฒน์ ธีรนิธิวัฒน์
คนงานในสวนแห่งธรรมชาติ
ifarm | Inspiration Farm
www.ifarm.co.th

ABC สเต็ปคุณแม่

My-ABC-Alphabet-Learn-Table-Silk-Poster-Art-Bedroom-Decoration-2774.jpg_640x640

ได้มีโอกาสไปนั่งฟังพ่อแม่ เขาคุยเรื่องลูกกันอีกครั้งในที่ที่เราไม่ควรจะได้ยินเรื่องแบบนี้ นั่นคือ ร้านลาบ ไม่ได้ตั้งใจในทีแรก แต่บังเอิญโต๊ะข้าหลังแกคุยดังโดดเด่นออกมามาก เลยต้องฟังอย่างเสียมิได้

จับใจความเรื่องการเรียนของลูก เล่าโดยคุณแม่ และ โหนอวยโดยคุณลูก ว่าเรียนเก่ง ต้องให้รางวัลตลอด คือ จะเป็นพาไปซือของ ว่ายน้ำ เล่นสวนสนุก คือ ต้องเอาของมาตอบแทนที่ลูกเรียนเก่ง และ เอาคะแนนมาล่อให้ลูกตั้งใจ (เพื่อจะเอารางวัล)

เล่าไปมา แม่ก็บอกเคล็ดลับกับเพื่อนว่า เนี่ย สอนเทคนิคให้ลูกนะ เช่น ภาษาอังกฤษอ่ะ ลูกสับสนระหว่าง b กับ d ว่ามันต่างอย่างไร เธอเล่าว่า เทคนิคให้ลูก”เข้าใจ” คือ ตัวแรกมันจะเขียนไปทางขวา และ ตัวสองมันจะไปทางซ้าย คือ ตูดมันจะป่องไปคนละทาง (ลูกต้องไปจำต่อ ว่า b มาก่อน d) เธอเมาท์ต่อไปว่า นี่รวมทั้ง p และ q ด้วยนะมึง มึงเห็นไหม มันจะไปทางขวาก่อน แล้วไปทางซ้าย….

นี่ก็เพิ่งรู้เหมือนกันเรื่องเทคนิคนี้ เธอเล่าอย่างมั่นใจว่า ด้วยการผลักดัน หลอกล่อ และ เทคนิคสารพัดที่เธอมีนี้ เธอจะทำให้ลูกเธอสามารถยืนหยัด ฟันฝ่า และ บ้ารางวัล เอาเรื่องเรียนดีมาให้เธอได้ตลอด

พักเรื่องนี้ เพื่อมาปรารภกับตัวเองว่า นี่เราเห็นเด็กของเราเป็นแมวน้ำไปแล้ว คือ ทำได้ ให้ปลา ให้ปลา ไปเรื่อย ๆ มันมีอะไรกระตุ้นการเรียนรู้ให้เด็กอยากรู้ อยากอ่าน อยากฟัง หรือ อยากไปหาข้อมูลเพิ่มเติมบ้างไหม ทุกอย่างที่บอกที่ทำ คือ เพื่อ “ได้”มาซึ่งของที่ตั้งล่อเอาไว้ ความต่างกันของ b และ d มันเอาไปผสมคำได้ไหม และ เป็นความหมายอย่างไร เรื่องนี้ ไม่ได้พูดถึง รวมทั้งการสอบได้เลขดี ๆ ของห้องด้วย ไม่ว่าห้องจะมีกี่คน หากลูกกรูได้คะแนน(สอบ)ดีกว่าคนอื่น ลูกกรูดีแล้ว ไม่ต้องไปคิดว่า เก่ง ฉลาด ขยัน อะไรอย่างไร

ต่อมาภาคสอง เขาก็คุยกันเรื่องชีวิตประจำวัน เธอเล่าต่อว่า ตั้งแต่เด็กมาไม่ได้ทำงานบ้าน พอได้ผัวมา ก็ไม่ได้ทำ ตอนนี้ซักผ้าเอง แต่ว่ารีดผ้าไม่เป็น เลยใช้วิธีการ”จ้างรีด” ตัวละ “สิบบาท” คือว่า มันไม่ได้อ่ะ ยังไงก็ไม่ได้ ไม่รู้ปรับไฟอย่างไร ทำไมมันไม่เรียบ มันขึ้นกลีบทับกัน ฯลฯ

เธอบอกเพื่อความสบานยใจของลูกผัว เธอ”จ้าง”เขาเอาอย่างที่บอก คำนวณคร่าว ๆหากสามคนพ่อแม่ลูก เอาที่ห้าวันต่ออาทิตย์ เป็นห้าตัว(ลดให้หนึ่ง)ต่อวัน ตก 250 บาท เดือนนึง อย่างต่ำก็พันนึง

พันนึงนั้น ปีนึงก็หมื่นสอง ทั้งหมดที่เธอเลือกนั้นเพื่อเธอบอกว่า ทำไม่ได้ ไม่ได้ฝึกมาตั้งแต่อยู่กับพ่อแม่

พักครั้งที่สอง (รำพึงกับตัวเอง) หากผ่านวัยเด็กมา จนมีลูกผัวได้โดยไม่ต้องฝึกขั้นนี้แล้ว เรื่องรีดผ้าแม่งโคตรสิว ถ้าจะทำจริง ๆ เลิกโทษสิ่งที่เป็น ที่ผ่านมา แล้วลงมือ ก็จะต้องทำได้แน่ ๆ แต่ที่ต้องจ้างทุกวันบัดนี้ เพราะ “ไม่อยากทำ”นั่นเอง

โต๊ะเธอและผองเพื่อนกลับก่อน จังหวะที่เดินออกร้านไปนั้น เราก้มหน้าตา ไม่อยากมอง ไม่อยากเห็น เพราะไม่ต้องการจินตนาการต่อว่า ชีวิตเธอเป็นอย่างไร มาอย่างไร หน้าตาแบบไหน ฯลฯ เอาว่า แค่ฟังสองเรื่องที่เธอสาธยายมา ก็พอแล้ว…..

ทั้งหมดที่ไปเผือกฟังเขานี้ หา่นิสัยสันดานไพร่แอบฟังเอามานินทาก็หาไม่ เธอแหกปากซะดังกว่าตู้เพลง ไม่ฟังก็ต้องฟัง ขอบใจที่เป็นเพื่อนคุยให้คลายเหงายามร่ำสุราแต่เพียงผู้เดียว…