ย้อนหลังไปช่วงปลายปี 2562 ประจำการอยู่คนเดียวที่ระแหงแขวงเมืองตาก ตั้งกะเดือนกันยายน เพื่อทำงานโครงการที่นั่น ระยะเวลาประมาณ 18 เดือน มีบ้านช่องห้องหอจัดหาไว้พร้อมประจำการ
ช่วงเดือนธันวาคมต้นๆ ได้ไปเที่ยวหาพี่ทัศน์ พี่วาสน์ ที่ดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่เพื่อสัมผัสอากาศหนาวของยอดดอย ตามที่เคยไปเยี่ยมเยียนหากันมาบ้างแล้ว ไปครั้งนี้ ไปเจอหมาบีเกิลหน้าตาแปลก ๆ ปากแหลม ๆ ดีนเล็ก ไม่เป็นตุ้มแบบบุญเติม ชื่อเจ้าโซเฟีย วิถีของโซเฟียคือ ถูกล่ามไว้กับเสากลางลานบ้าน จนมันพันคอไปติดเสา ดิ้นไม่หลุด และก็จะคงอยู่อย่างนั้น อาหารก็จะเป็นข้าวเหนียวแห้ง ๆ วาง ๆ ไว้ตามนั้น ถามเจ้าของ ก็บอกว่า ปล่อยไม่ได้ จะไปไล่ไก่เขาในหมู่บ้าน เขาจะเอาตายเสีย ถามว่าแล้วเอามาจากไหน ก็แจ้งว่า เป็นของคนรู้จักกันที่พื้นราบ เขาอยากเลี้ยงหมาแบบนี้ (หูใหญ่ สามสี) เลยไปซื้อมาจากตลาดนัด ตัวเมีย ให้ชื่อว่าโซเฟีย อายุตอนที่ซื้อมาก็คงได้สักสองสามเดือนแล้ว โซเฟียน่าจะเกิดต้น ๆ ปี 62 นั่นคือการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 1 ของโซเฟียแยกจากแม่มาเป็นหมาขายตลาดนัด ทีนี้พอได้เลี้ยงเข้าแล้ว รับความซนของหมาพันธุ์นี้ไม่ไหว ก็ต้องหาที่ปล่อยออก จนมาเจอพี่วาสน์รับมาบนดอย นั่นคือและการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สองของโซเฟีย และต่อมาก็มีเรื่องไล่ไก่ตามมาอีก จนต้องมาล่ามไว้แบบนั้น
เวลาแกะโซ่ออกมาเล่นด้วยนั้น โซเฟีย ก็มีนิสัยปรกติ ให้อุ้ม ให้กอด นั่งเล่นอยู่ใกล้ ๆ ไม่มีแววว่าจะวิ่งห่างไปไหน ไม่เหมือนพวกเติมและตูม ที่จะพากันออกผจญภัยไปไกล ๆ ต้องตามหา อยู่ที่นั่นสองสามวัน ก็รู้สึกว่าถูกชะตากัน รู้สึกว่าโซเฟียเป็นหมารู้ความ มีแววตาที่น่าสงสาร โดยเฉพาะเวลาที่มองค้อน หรือ มองช้อนหน้าขึ้นมา ตาสวยและให้ความรู้สึกผูกพันกัน จะเล่นด้วยก็เล่น จะเอาไปล่ามไว้ที่เสา หรือ กรง ก็ไม่มีทีท่าว่าจะร้องตาม หรือโวยวาย ก่อนจะกลับลองถามพี่วาสน์ พี่ทัศน์ว่า ถ้าไม่มีคนเลี้ยงดูมัน ผมจะขอเอามันไปอยู่ด้วยที่ตากเป็นเพื่อนกันจะได้ไหม แกลังเลนิดนึง เพราะแฟนของลูกชาย (อยู่ในเมือง) เขาก็รักของเขา เวลาเขามาบนดอย เขาจะเล่นกับมัน แต่เวลาเขาลงไปแล้ว เขาก็ไม่ได้รับรู้ว่ามันจะต้องอยู่อย่างไรแบบไหน ในที่สุด น้องก็ยินยอมยกโซเฟียให้ลงจากดอย มาอยู่ด้วยกันที่ตาก วันที่รับกลับมานั้น น้องขึ้นดอยมาส่งเจ้าโซเฟียด้วย การเปลี่ยนแปลงครั้งที่สามของโซเฟียกำลังเริ่มขึ้น
ปล.แม้ต่อมา จะพาโซเฟียกลับมาที่ดอยสะเก็ดใหม่ เราปล่อยโซเฟียไว้ ช่วงที่เราไปเที่ยวกันในเขื่อนแม่งัด แม่กวง หากเป็นหมาอื่น คงจะหายไปแล้ว เรากลับมาถึงบ้าน ติ๊ก(โซเฟีย) ยังคงรออยู่ที่เดิม ไม่ได้ไปไหน และ ไม่ไปกัดไก่ของใครด้วย อันนี้ติ๊กทำได้จริง ๆ
รับโซเฟียเดินทางลงดอยมา เมารถอ้วกแตกกลางทาง หน้าตาไม่สบายเลย กว่าจะมาถึงตากได้ เราเปลี่ยนชื่อจากโซเฟียเป็นตุ๊กติ๊ก ซึ่งเป็นชื่อของหมาของเล่นตุ๊กตาตัวหนึ่งที่อาโกสุมให้มาเล่นกับบุญเติม(เติมเต็ม)ตอนเด็ก ๆ เติมเล่นกับตุ๊กติ๊กแบบทนทานมากจนโตมาก็ยังไม่พัง จัดการดูแล จัดหาอาหาร ที่นอน(ตะกร้า) ให้ตุ๊กติ๊ก โดยระหว่างวันทำงาน เอาตะกร้าผ้า ออกมาวางหน้าบ้านริมประตู ติ๊กนอนเล่นได้ทั้งวัน พอเย็นกลับมา ก็เอาตะกร้าเข้าบ้าน เอาไว้ในห้องนอน ติ๊กก็จะลงไปนอนในตะกร้านั้นทุกวัน ไม่มีขาด ไม่เคยมีสักวันที่ติ๊กจะได้ขึ้นมาบนเตียงนอน ติ๊กเคยพยายามขึ้นมา แต่พอโดนดุ และ ขู่ด้วยไม้แขวนเสื้อ ติ๊กก็จะหยุดลง (ไมเคยตี)
ติ๊กไม่งอแง ไม่กวน หน้าตาบ้องแบ๊ว อยู่เฉย ๆ ได้ ไม่ซุกซนจนถึงกับรับไม่ได้ การขุดประตู หรือ เขี่ย ๆ เป็นเรื่องปรกติ ที่หมาพันธุ์นี้ทำกันได้เหมือนกันหมด (แม้ในตอนหลัง เราต้องโดนป้าเจ้าของบ้านเช่าขอค่าเสียหายประตูไปสองสามพัน ก็ต้องยอมแต่โดยดี)
พฤติกรรมที่ติ๊กเป็นคือ เป็นหมามีวินัย ไม่รู้ว่ามันได้มาอย่างไร แต่ไม่ต้องฝึก ติ๊กตื่นนอนทุกวันประมาณตีสี่ครึ่ง ไม่ขาดไม่เกิน แรก ๆ ตื่นแล้วทำขยุกขยิกในตะกร้า มองมาทางเรา พอเราลืมตาไปจะมองเห็นแววตาของติ๊กที่เบิกตาเต็มที่แล้ว ไม่มีความงัวเงียให้เห็น เราจะต้องลุกออกมาเปิดประตูให้ติ๊กออกไปนอนบ้านในความมืด (อยู่ในรั้ว) ติ๊กจะวิ่งหายไปในความมืดนั้น มาสังเกตทีหลัง ติ๊กออกสำรวจบ้าน หากบ เขียด หรือ อื่น ๆ ในสุมทุ่มต้นไม้ รอบ ๆ บ้านนั่นเอง เราเองกลับมานอนต่อครึ่งชั่วโมง ตีห้าตรง ติ๊กจะมานั่งรอหน้าบ้าน หันหน้าเข้าบ้าน หรือ ไม่ก็ไปนั่งหน้ารั้ว มองออกไปข้างนอก ตอนแรกไม่รู้พฤติกรรมนี้ แต่เนื่องจากเราตื่นเช้าเมื่ออยู่ตาก (รับอากาศเย็น) แอบสังเกตเห็นสิ่งที่ติ๊กมันทำของมันทุกวัน พอเห็นแบบนั้น ก็เลยเริ่มมีธรรมเนียมการพาติ๊กออกไปเดินนอกบ้าน วงรอบแคบ ๆ ติ๊กจะเดินวงเดิมเสมอ ออกบ้านได้ก็ดึงโซ่ไปทางปากซอย ไปได้ครึ่งทาง ก็หักเลี้ยวข้ามถนนเดินลงทางท้ายซอย ระหว่างทาง ติ๊กจะดม สำรวจ เต็มที่คือ ย่อขาหลังลงฉี่สั้น ๆ แล้วเดินต่อ สิ่งที่ติ๊กชอบมากในระหว่างทาง คือ การงับยอดหญ้าอ่อน ๆกิน จะหยุดกินสักสามสี่จุด เดินลงทางท้ายซอย ผ่านบ้านเราไปสัก 50 เมตร เป้นที่ว่างเปล่า ติ๊กจะหยุดตรงนั้น เลี้ยวข้ามถนนกลับมาฝั่งเดิม แล้วเดินย้อนขึ้นบ้านเรา ระหว่างทางจะมีหมาจร เพื่อน ๆ ของติ๊ก หน้าบาก มะขาม นมยาน ไอ้ขาว ดำเสือ และ อื่น ๆ ผลัดหมุนเวียนมาเดินตาม ๆ ไปกับติ๊กแบบนั้น ที่สำคัญคือ ติ๊กไม่เคยอึในระหว่างการเดินเลย ใครจะบอกว่า ไอ้คนนี้ พาหมามาขี้นอกบ้าน เราก็จะบอกเขาไปว่า หมาผมไม่เคยขี้เลยครับ มันแค่ฉี่สั้น ๆ เท่านั้น มันเดินกินหญ้าของมันครับ เขาคงไม่เชื่อหรอก แต่ติ๊กไม่เคยทำจริง ๆ
กลับถึงบ้าน สักตีห้าครึ่งนิด ๆ ติ๊กก็จะแยกไป ไม่มายุ่งด้วย ติ๊กจะอยู่นอกบ้าน จนเราอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เปิดประตู ติ๊กจะเข้ามา กระโดดนั่งบนโซฟาเล็ก ๆ นั่งเล่นกัน จะเป็นแบบนี้ตลอด ติ๊กเข้ามาเพื่อมานั่งโซฟาเขียว เล่นกัน แกล้งกัน ถ่ายรูปกัน พอเราลุกหยิบกระเป๋า บอกว่า “ไป ออกไปติ๊ก” ติ๊กรู้เวลาก็จะวิ่งออกหน้าบ้านไป เราก็เอาตะกร้าออกไปวางไว้ให้นอกประตู เทอาหารไว้ให้
อีกกิจกรรมที่จะมีหลังๆ ที่ติ๊กโตขึ้นมาหน่อย คือ การโยนลูกบอลโง่ ๆ ให้ติ๊กวิ่งไปคาบ จะโยนไปทางข้างบ้านไกล ๆ มันก็จะวิ่งโกยสี่ขาสั้น ๆ ไปอย่างไว ไปงับ แล้ววิ่งเอากลับมาให้แย่งจากปากพอเป็นพิธี พอแย่งได้ ก็โยนใหม่ ทำแบบนี้ สักสิบรอบ ไม่รู้ติ๊กชอบอะไรนักหนา แต่เป็นกิจกรรมที่ทำทุกวันก่อนออกไปทำงาน หลัง ๆ ติ๊กอายุห้าขวบแล้วยังคึก ๆ มีเล่นแบบนี้ด้วย ยังไม่ลืม ในบางครั้งเล่นจนอยากเลิก พอโยนไปไกล ๆ แล้วเรารีบออกนอกรั้วไปยืนข้างนอก ติ๊กที่วิ่งหน้าตื่นหูปลิวกลับมาหาเราเพื่อแย่งบอลกัน พอมันเห็นเราอยู่นอกรั้วแล้วมันหยุดนิ่งแล้วคายบอลออกจากปากร่วงตรงนั้น เป็นความหมายว่า หมดเวลาเล่นแล้ว แล้วติ๊กก็หันหลังเดินกลับเข้าบ้านไป นึกถึงแล้วน่าสงสารมาก
ติ๊กจะทำอะไรระหว่างวันนั้น เราไม่รู้เลย แต่คิดว่า ติ๊กน่าจะนอนในตะกร้านั้นอยู่เรื่อย ๆ เวลากลับมาตอนเที่ยง บางครั้งก็เห็นสายตาโผล่มาจากตะกร้า หรือ เวลากลับมาเย็น ๆ เวลารถผ่าน ติ๊กนั่งอ้าขา(ธรรมดาของหมาขาสั้น งอขาไม่ได้) หน้ารั้ว มองคนโน้น คนนี้ แบบไม่รู้คิดอะไรอยู่ แต่ไม่มีโหยหวนครวญครางใด ๆ พอรถจอดข้างบ้าน เดินมา ติ๊กก็จะกระดิกหางนิดหน่อย เปิดประตูมาก็กระโจนหากันเบา ๆ สักทีสองที แล้วก็ตามกันเข้าบ้านไป อยู่กันในบ้านช่วงนึง หากไม่มีอะไร ติ๊กก็ออกมาอยู่นอกบ้าน เราก็นั่งกินเบียร์ในบ้านทำโน่นทำนี่ไป ตามปรกติ จนสามทุ่ม ก็จะมาเรียกเข้าบ้าน พร้อมเอาตะกร้าเข้าห้องนอนวน ๆ ไป
ติ๊กขับถ่ายเป็นที่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ และ ไม่ได้ฝึกด้วย ด้วยความเป็นหมาตัวเมีย หากเห็นผ้าเช็ดเท้าวางไว้ ติ๊กจะนั่งย่อแล้วฉี่ในบ้าน ซึ่งทำแบบนี้ สองสามครั้ง เราจะเอ็ดเอาทุกครั้ง แต่ก็ยังทำ ทางแก้คือ เอาผ้าเช็ดเท้าออกทั้งบ้าน ไม่มี ติ๊กก็จะไม่ฉี่อีกเลย ใช้การฉี่นอกบ้าน เราไม่เคยต้องเช็ดฉี่ติ๊กในบ้านอีกเลยตั้งแต่นั้น หลังบ้านจะมีลานปูนซีเมนต์ (ลานซักล้าง) ติ๊กจะมาฉี่ และ อึที่บริเวณนี้เท่านั้น เราจะรู้เลย ว่าวัน ๆ นึง ติ๊กอึกี่ครั้ง เพราะ เราเก็บมันทุกเช้าก่อนอาบน้ำไปทำงาน โดยเก็บทิชชู ใส่ถุงไปทิ้งขยะ และเอาน้ำฉีดล้างลานนั้น ขัดบ้างบางครั้ง ให้สะอาด ติ๊กจะมาเล่นน้ำในตอนฉีดด้วย ต้องไล่ให้ไปห่าง ๆ ไม่เคยต้องเก็บอึติ๊กนอกพื้นที่นี้เลย ตลอดเวลาปีกว่า ๆ ที่ติ๊กอยู่ที่ตาก นี่คือวินัยที่ดีที่สุดของติ๊ก
ติ๊กเป็นหมาที่ไม่ขอกิน จะมีบ้าง หากเห็นเราหิ้วไก่ทอดเข้ามากินกับเบียร์ แต่การขอของติ๊ก คือ มานั่งมอง มองอย่างนั้น นอนหมอบแล้วมองบน ไม่มีการสะกิด ครวญคราง หรือ กระโดดกระโจน จะให้ตอนไหน ก็ให้มา ไม่ให้ก็อยู่เฉย ๆ บางทีบอกว่า ไปก่อน ๆ ไล่ให้ออกนอกบ้านไป ติ๊กก็ออกแต่โดยดี ไม่อิดออด หลัง ๆ เคยซื้อลูกชิ้นหมูถุงละ39 บาท มาแช่ตู้ไว้ เวลาอยากให้ติ๊กตอนเย็น จะให้ติ๊กนั่งลงก่อน แล้ว บิให้เป็นสี่ชิ้น ให้ทีละชิ้นเล็ก ๆ ติ๊กก็มีความสุขมากแล้ว หรือ อาหารแท่งของหมา (ขนม) คนอื่นได้กินทีละสองแท่ง เราให้ติ๊ก คือ บิชิ้นเล็ก ๆ 1 แท่งได้กินสิบที นั่นก็มีความสุขแล้วสำหรับติ๊ก เวลาเอาอาหารไปกองให้หมาจรหน้าบ้าน ติ๊กก็จะมีฟิล ไปเอาตีนเขี่ย ๆ มากินบ้าง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็มีอยู่แล้ว พอได้บรรยากาศการมีส่วมร่วมของติ๊ก
สิ่งที่ติ๊กหวงในบ้าน คือ หากไปได้ซากกบ เขียดมาจากหลังบ้าน ข้างรั้ว ติ๊กจะเอาไปแอบไว้ในพุ่มไม้ และ จะคอยมองเราไว้ หากเข้าไปใกล้ ๆ ติ๊กจะมาแฮ่ใส่เบา ๆ แล้วเข้าไปยืนคร่อมไว้ ติ๊กหวงไว้จนมันได้กลิ่นตุ ๆ ที่ติ๊กต้องการคลุกตัวลงไปบนซากนั้น (คงหอมสำหรับหมา) ซึ่งจะเป็นเวลาเดียวกับที่เราต้องเก็บซากนั้นไปทิ้ง เพราะ กลิ่นโชยแล้ว เป็นความเสียดายที่สุดของติ๊ก จะมองตาละห้อย แต่ติ๊กไม่ท้อ ติ๊กหาได้ตลอด หนู กบ เขียด และ อื่น ๆ ติ๊กมีสัญชาตญานนักล่า เฝ้ารอ และ จับได้อย่างง่ายดาย เป็นมาตลอดชีวิตของติ๊ก ไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องนี้
ติ๊กเป็นหมาว่าง่าย เราที่ไม่ค่อยได้อาบน้ำหมาเลย สามารถอาบน้ำให้ติ๊กได้ โดยไม่ต้องใช้โซ่ล่าม พาติ๊กมายืน ราดน้ำลงไปด้วยสายยาง อาจจะขัดขืนเล็กน้อยช่วงแรก แต่พอน้ำโดนตัวทั้งตัวแล้ว ติ๊กจะอยู่นิ่ง ๆ จนการลงแชมพู และ ล้างน้ำสะอาดแล้วเสร็จ ก็จะไปได้ ้เราไม่เคยคาดคิดเลยว่าด้วยความเป็นหมาผู้ว่าง่ายในเรื่องนี้ จะเป็นการนำพาติ๊กไปสู่วันสุดท้ายของติ๊กเอง
แรกๆ ของการเดินทางด้วยกัน ติ๊กมีกล่องของหมาตกทอดมาจากบุญเติม ขนาดใหญ่กว่าตัว พอให้พลิกตัวได้สบาย วิธีการคือ เอากล่องไว้หลังรถในกระบะ แล้วอุ้มติ๊กขึ้นทางหลังรถ เปิดกรง ติ๊กเดินเข้าไปเอง ไม่ต้องอุ้ม ดัน บังคับใด ๆ ทั้งสิ้น ติ๊กจะอยู่ในกล่องนั้น จากตากมาถึงกรุงเทพ เราลืมนึกไปเลยว่า ติ๊กจะร้อนบ้างไหม คิดไปเองเอาว่า เวลารถวิ่ง มันมีลมผ่าน แสงแดดคงไม่ทำให้ติ๊กร้อน น่าสงสารมาก ติ๊กบอกอะไรไม่ได้เลย พักกลางทาง พาลงมาหาน้ำกิน ติ๊กก็กินอย่างว่าง่าย เรื่องพาฉี่ติ๊กก็ให้ความร่วมมืออยู่บ้าง มีอยู่ครั้งหนึ่ง รถที่ใช้งานเสีย ต้องส่งซ่อมทันที ที่ศูนย์สิงห์บุรี (ห่างกทม.ประมาณ 120 กม.) กรงติ๊ก 1 กรง ตะกร้าผ้า 1 ใบ รอรถมารับจากรถเคลมที่ต้องหาออกมาจากกรุงเทพ หมาไม่อนุญาตให้เข้าโชว์รูมรถ เพื่อนั่งรอ เรากับติ๊กอยู่ด้วยกันนอกศูนย์ ตั้งกะบ่ายสามยันสองทุ่มที่รถตีออกมารับ แล้วนั่งรถกลับเข้ามากทม.ด้วยกันอย่างทรหด ติ๊กไม่มีโวยวายสักแอะ อยู่ได้นิ่ง ๆ ตลอด
เมื่อติ๊กรู้ความขึ้นมากแล้ว ประสบการณ์ความที่คุ้นเคยกับการเอาบุญเติมขึ้นนรถ ที่จะต้องวุ่นวายมาทางคนขับ ไม่อยู่นิ่ง ขนกระจุยทั้งรถ การพาติ๊กนั่งรถคือ เรื่องใหญ่ ที่ต้องเตรียมการ เพราะ เรามีการเดินทางกลับกทม. เดือนละครั้ง จะให้ใครมาเลี้ยงแทน ก็คงไม่ได้ เตรียมผ้าปูเบาะ เอาติ๊กไว้ที่นั่งหลังคนขับ ปรากฎว่า ติ๊กนั่งสงบ ไม่ทุรนทุราย มองไปกี่ทีทางกระจกหลัง ก็เห็นนั่งแลบลิ้นสีชมพูอยู่ ครั้งต่อมา ก็เอามานั่งเบาะหน้า ใส่สายโยงคล้องไว้ไม่ให้ข้ามมาทางคนขับ ติ๊กก็เหมือนเดิม ไม่ขยับไปไหน นั่ง และ นอนคุดคู้อยู่อย่างนั้น (เดินทางกลับประมาณ 6-7 ชม. แล้วแต่รถที่จะติดแถวนวนครลงมา) ระหว่างทาง แวะปั๊มกัน หรือ ร้านอาหาร ติ๊กก็ลงด้วย ขึ้นด้วย ปรกติ ที่น่าหงุดหงิดกันคือ เวลาจะให้ฉี่ ติ๊กไม่ฉี่ จะต้องเดินไปรอบ ๆ สำรวจพื้นที่ จนเจอที่พอใจจึงยอง ๆ ฉี่ อาจจะมากบ้างน้อยบ้าง เร่งรัดไม่ได้ แต่ไม่เคยอึเลยเช่นกัน มีอยู่ครั้งหนึ่ง รถติดมาก และติ๊กฉี่สุดท้ายที่นครสวรรค์แล้ว รถมาถึงรังสิตแล้วติ๊กเริ่มกระสับกระส่าย มองกระจกนอกรถเหมือนอยากรู้ว่าถึงไหนแล้ว อีกนานไหม จนจะถึงบ้านแล้ว อีกไม่เกิน 2 กม. ติ๊กฉี่ในรถแบบเต็มที่อั้นไม่ไหวแล้วต้องฉี่ เราโมโหมากตวาดติ๊กไปแบบเสียงดังจนติ๊กกระโดดไปด้านหลังเบาะ คอห้อยอยู่เพราะสายโยงที่ยึดไว้กับสายเข็มขัดด้านหน้า นั่นเป็นครั้งเดียวที่ติ๊กทำแบบนั้น และ เรารู้สึกผิดมาก ที่ไปตวาดติ๊กด้วยเสียงอันดังแบบนั้น ซึ่งติ๊กน่าจะกลัวมาก ทั้ง ๆ ที่เราควรหาที่ให้ติ๊กฉี่อีกสักครั้ง ในสถานะรถที่ติดแบบบ้าเลือดนั่น
การพูดคุยกับติ๊ก ตั้งแต่อยู่กันมา คือ กู และ มึง อีติ๊ก เท่านี้ ไม่มีพ่อ ลูก ใด ๆ อะไรของมึง อีติ๊ก ? มึงจะให้กูพาไปเดินเหรอ ? หิวไหมมึง ? มึงรอพรุ่งนี้นะติ๊ก …. ฯลฯ ติ๊กไม่รู้หรอกว่ามันเป็นคำหยาบ คำสุภาพอะไร ติ๊กฟังจากน้ำเสียง ติ๊กพอจะเข้าใจ เพิ่มความดังของเสียง หรือ ท่าทาง ติ๊กจะรู้ว่าหงุดหงิด และ ไปห่าง ๆ ไปห่างที่สุด หากมีไม้เขวนเสื้อในมือ ติ๊กจะเงียบ มองตาหวาด ๆ (ไม่เคยตีนะ) หากถือขู่ไปนาน ๆ ติ๊กจะเห่าสู้ เห่าแบบเสียงเหมือนสะบัดสะบิ้ง คือ อย่านะ สู้นะ แต่สายตานั้น มันไม่ใช่เลยติ๊ก บางทีขู่ไล่ ๆ ไป ติ๊กจะมีอาการอย่างนึง คือ หางหดแล้วโกยสี่ขาวิ่งเร็ว ๆ ไปรอบ ๆ พื้นที่ อาจจะเป็นบ้าน เป็นห้อง หรือ ลานนอกบ้าน จะวิ่งอย่างเร็ว ไม่หยุดเป็นวง ๆ อันนี้ ประหลาดดีไม่รู้ทำไม
การมีติ๊กเป็นเพื่อนที่ตาก เรามีเรื่องต้องคุยกันทุกวัน นั่งกินเบียร์ พูดกับติ๊กที่นอนหมอบอยู่ข้าง ๆ หรือ มองมาตรงหน้าแบบช้อนสายตาขึ้นมา เล่าเรื่องราวให้ติ๊กฟัง ติ๊กมองระหว่างเล่า ข้าถือว่าเอ็งรับรู้ที่ข้าเล่านะ เอ็งอาจจะไม่ต้องให้กำลังใจหรือให้คำตอบอะไร แต่การที่เอ็งรับฟังมันนั้น มันทำให้ข้ารำลึกถึงความเป็นเพื่อนแท้ของเอ็งเสมอมา ไอ้เพื่อนติ๊ก แม้ระยะหลัง ๆ เราไม่ค่อยเอาเรื่องมาเล่าให้ติ๊กฟังแล้ว แต่ติ๊กยังมีพฤติกรรมเดิมไม่เปลี่ยน มานอนข้าง ๆ เท้า เอาหัวมาทาบหลังเท้า (อันนี้ บุญเติมก็เป็น) หรือ อยู่ดี ๆ ก็เดินมาล้มนอนทับขาทับรองเท้าไว้อย่างนั้นเอง
อยู่กันมา ติ๊กหาหมอแค่สองครั้ง ครั้งแรกคือ การไปทำหมัน เมื่อลงดอยมาใหม่ ๆ แผลยังไม่ทันหายดี ก็พากลับไปที่ตาก ปรากฎว่าแผลปริ ดีว่าไส้ไม่หลุดออกมา พาไปหาหมอในตาก เขาก็ทำอะไรไม่ได้เอาปลาสเตอร์แปะมาให้ ให้คอยดูว่าอย่าให้ปริ อย่าให้เลีย ก็ทำได้แค่นั้น ดวงติ๊กจะไม่เป็นไร ติ๊กก็รอดมาได้ อีกครั้งคือ ติ๊กมีก้อนเนื้องอกมาทางตาขวาเป็นติ่ง ๆ พาไปหาหมอ หมอบอกว่าต้องตัดชิ้นเนื้อตรวจ พบเซลล์มะเร็ง ทางรักษาคือ ต้องคว้านตาออกหนึ่งข้าง เราบอกเขาก็น่าจะมีสิทธิในชีวิตของเขา ขอให้เขาอยู่ในสถาพเดิมเถอะ ถ้ามันจะเป็นจริง ๆก็ค่อยว่ากันตอนนั้น ติ๊กหมามะเร็งจึงรอดการเป็นหมาตาเดียวมาได้ และ คงมีสายตาสวยเว้าวอนด้วยขนตาดำเล็ก ๆ รอบดวงตากลมแป๋วของติ๊กอยู่
การเปลี่ยนแปลงที่สี่ของติ๊ก อยู่ที่สิ้นปี 2563 ตัดสินใจเอาติ๊กลงมากทม. เป็นหมากรุงเทพ เพราะทางตาก ก็ต้องคืนบ้านเช่าเพราะ ใกล้จบงาน และ ไป ๆ มา ๆ กทม. ติ๊กต้องเดินทางบ่อยไป ก็เอามาไว้ที่บ้านกับพี่น้อง บุญเติม ตูมตาม มีโชค และ ตัวเล็ก ติ๊กปรับตัวไม่นาน เป็นหมาอาศัยนอกบ้านพักนึง จนสุดท้ายก็เป็นตัวแสบของบ้าน ติ๊กโดนเขี้ยวของมีโชคจนได้ ติ๊กขย้ำตัวเล็ก และ บุญเติม ส่วนตูมตามนั้น ก็จะหงุดหงิดใส่ หรือ เป็นเพื่อนวิ่งเล่นแบบกระต่ายกับตุ๊กติ๊กบ้าง ที่นี่ ติ๊กเริ่มเป็นหมาขอกินตามเพื่อน แต่นิสัยที่ยังไม่เปลี่ยนคือ การเป็นนักล่า ติ๊กจับหนูนอกบ้านได้ ตัวโต ๆ ทั้งขุดโพรงต้นไม้ ทุก ๆ วัน ตอนเย็น ทุกตัวจะเข้ามาในบ้าน หนียุง แต่ติ๊กจะอยู่รอบ ๆ บ้าน คอยดม ไปหา กลิ่นแปลก ๆ ในบ้านเพื่อไล่จับ และ ก็จับได้เสียด้วย ติ๊กมาจากบ้านนอก พร้อมเบาะนอนของตัวเองจากตาก ตอนแรก ก็นอนที่ของตัวเอง หลัง ๆ ติ๊กก็ไปซ่าส์นอนที่ของคนอื่น และ ท้ายที่สุด ติ๊กก็จองที่โปรดในบ้านได้ หน้าห้องทีวีนอนหลังชนฝาไว้ หันหน้าออก บางทีก็นอนขาชี้ฟ้าสี่ขา เหยียดยาว สบายเสียที่สุด นั่นคือ ท่าโปรดของติ๊ก
เวลาเรากลับมาจากที่ทำงาน หมาในบ้านจะกรูออกมาหาคน แต่ติ๊กไม่ ติ๊กจะวิ่งเลยไปเลย ไม่สนใจ ติ๊กวิ่งไปหาสิ่งที่จะสูดดมก่อน แล้วสักพักติ๊กจะกลับมา ท่าของติ๊กคือ กระโจนสองขา เอาขาค้ำพุงแล้วยืดตัวขึ้นมา พยายามเลียหน้าเราเบา ๆ ครั้งนึง หรือ สองครั้ง แล้วก็กระโจนออกไป ไม่เร้าหรือ อันนี้ ก็เป็นพฤติกรรมที่แปลกของติ๊ก ติ๊กไม่มาล้อมหน้าหลัง ต่างคนต่างอยู่ มีซอกประจำเป็นที่นอนถอยหลังเข้านอน ตาลืมดูแบบห่าง ๆ หรือ นอนเหยียดหงายท้องสี่ขาชี้ ติ๊กหลับของติ๊กได้ ในวันที่บ้านร้อน ๆ ไม่รู้จะหลบไปทางไหน ติ๊กมีที่ของติ๊กคือ เข้าไปนอนใต้ชักโครกห้องน้ำ ที่มีความเย็น ใครจะเข้าก็เข้าไป ติ๊กไม่สนใจ นอนอย่างนั้นแหละ ที่โปรดอีกที่ของติ๊ก คือ การขึ้นนอนบนเก้าอี้ของเรา ทั้งที่ตาก ที่บ้าน และ ในห้องทีวี ติ๊กจะชอบขึ้นไปนอนเสมอ ๆ นอนแบบสบายใจ หมาตัวอื่นไม่เป็น
หมาดอยยังมีลักษณะที่แปลกออกจากหมาอื่น ๆ ที่เห็น คือ ฝนตก ฟ้าร้อง หรือ ฟ้าผ่า ลมแรงยังไงก็ตาม หากเป็นหมาตัวอื่น ๆ แม้หมาแกร่งอย่างเจ้ามีโชคยังหางหด เดินลนลานหาคน (คงจะคิดว่าคนจะช่วยได้) เจ้าตัวเล็กนั่นหนักมากถึงกับตัวสั่นงก ๆ คงเป็นธรรมชาติของสัตว์ที่หวาดกลัวไปกับสิ่งที่ไม่รู้ หรือ นอกเหนืออำนาจควบคุม แต่ ….. ติ๊กไม่เป็นเลย ถ้าฝนตก นั่นหมายถึงติ๊กจะพรวดสวนประตูบ้านออกไป มุ่งไปหาจับกบ เขียด ตัวเล็ก ๆ อย่างสนุกสนาน แม้ฟ้าจะร้อง หรือ ผ่า เปรี้ยง ๆ ก็หาได้ทำให้หมาดอยตกอกตกใจไม่ ต้องเรียกเข้าบ้านมา ตัวเปียกมะล่อกมะแล่ก ไม่มาหลบ มาแอบ แบบหมาตัวอื่น ๆ บางทีก็นั่งจ้องออกไปกลางในแบบนิ่ง ๆ สายตาสอดส่ายหาการเคลื่อนไหวด้านนอกนิ่ง ๆ พฤติกรรมนี้ เป็นตั้งแต่อยู่ที่ตากแล้ว ฝนตกทีไร จะขุดประตูขอออกไปวิ่งเล่นข้างนอก
ติ๊กจะมีความหวงบางอย่าง หรือ ต้องการครอบครองก็ได้ อาหารที่เทไว้ หากเป็นคิวเช้า หรือ เย็น ติ๊กลงทุนไปนอนเฝ้า นอนใกล้ ๆ หันหัวไปทางนั้น หมาตัวอื่นจะเดินเข้าไป ติ๊กจะส่งเสียงขู่ หรือ ลุกขึ้นยืนคร่อมไว้ เราจะเอาลากชามอาหารไปไหน ติ๊กจะตามไปเฝ้า และ ส่งเสียงคำรามในคอ หมาตัวอื่น ๆ ล้วนเข้าใจ และ ต้องจัดลำดับความสำคัญเอาเอง สุดจริง ๆ ก็จะมีการจมเขี้ยวกัน
ติ๊กยังเป็นหมาขี้เล่น ถอดถุงเท้าโยนให้เล่น ก็คาบโยนเอง วิ่งไล่งับเอง ไปรอบ ๆ บ้าน ให้เงาะ ลำใย ไปลูกนึง ติ๊กก็เอาไปโยนเล่น กลิ้งไล่งับ อย่างสนุกสนานอยู่คนเดียว เล่นแบบนี้ เติมเคยเป็น แต่นานมากแล้วที่เติมไม่ทำแบบนี้ ติ๊กห้าขวบกว่า ๆ ยังเล่นได้ไม่หยุด
พฤติกรรมแสดงออกอีกอย่างของติ๊กคือ การเข้ามาใกล้ ๆ นั่งลง แล้วเอาหัวมุดเข้าหาปลายมือของเรา เป็นอาการแบบให้เกาหัวให้หน่อย ลักษณะแบบนี้เป็นไปได้ว่า คัน หรือ ต้องการความสบายบางอย่าง พอเราเอามือไปขยำ ๆ ตรงหัว บีบหู สักพักเลิกทำ ติ๊กจะเสือกหัวเข้ามาอีก ใคร ต้องการอีก เราก็ต้องทำให้จนติ๊กพอใจ หากหยุดไปกลางทางติ๊กจะทำเหมือนไม่สบายตัว นอกจากนั้นติ๊กชอบให้ลูบหู ลูบตาให้ เอาทิชชูมาเช็ดขี้ตา หรือ ล้วงเช็ดในรูหูที่ปรกติหมาพันธุ์นี้จะมีความชื้นในหูมากอยู้ จะได้ขี้หูแฉะๆ ออกมา แต่ยังน้อยกว่าหูของบุญเติม นับว่าเป็นหมาหูค่อนข้างแห้งอยู่ พอเช็ดหู ตาให้แล้ว ทิชชูไม่ต้องทิ้ง ติ๊กคือ หมากินทิชชู เอามาปั้นกลม ๆ แล้วโยนไป ติ๊กจะวิ่งไปอย่างไว ไปงับแล้วนำไปวิ่งเล่น หรือ นอนฉีกกินจนหมด ไม่มีเหลือเป็นขยะให้ต้องมาเก็บ
ตั้งกะอยู่เมืองตาก เวลาอุ้มติ๊กขึ้นมา จับอุ้มตะแคงตัว และหงายท้องในอ้อมแขน ติ๊กจะทำท่าสบาย แข้งขาเก็บงอ เกาท้องให้ก็นอนนิ่ง หงายหน้าหลับตาสบายใจ เราเรียกกันมา “เล่นหงายท้อง” ตอนหลังติ๊กโตขึ้น พอจับหงายท้องติ๊กจะไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่บนตัก เพราะ ขนาดของตัวที่เพิ่มขึ้น อยู่หงายแบบนั้นได้ไม่นาน แต่ถ้ามาจับหงายที่พื้นตอนกำลังนอน ติ๊กชอบมาก หงายท้องได้สบาย ๆ เวลาที่จะมีการขัดใจกัน ติ๊กจะส่งเสียงเบา ๆ เหมือนขัดใจ และทำท่าเหมือนจะงับ ทำท่าจะงับจริง ๆ แต่หลายครั้งที่ถูกติ๊กงับมา เวลาลงเขี้ยวจริง ๆ ติ๊กจะยั้งไว้ มันไม่เคยกัดเข้าเลยสักทีเดียว แต่กลับคนอื่นมันเล่นเอาถึงเลือดก็มี แต่เราก็ตั้งใจไว้อยู่แล้ว ไม่ว่าติ๊กจะมาแรงยังไง เราก็ไม่โกรธกัน ไม่ตีกัน
ที่บ้านกทม.นี้ ติ๊กยังมีพฤติกรรมที่อยากออกเดินสำรวจ และกินหญ้า ในหมู่บ้าน ต่างกันที่ ตอนนี้ ติ๊กจะมีการอึหนึ่งครั้งด้วย ในที่เดิมเสมอ คือ เสาไฟ ตรงวงเวียน ซึ่งเราก็จะปล่อยให้ติ๊กจัดเต็มที่ แล้วค่อยย้อนไปเก็บสิ่งนั้นหลังพาติ๊กเข้าบ้านแล้ว สิ่งที่แปลกก็คือ ในวันธรรมดาที่เราต้องทำงาน แต่งตัวลงมาจากชั้นบน ติ๊กมองเฉย ๆ ไม่ว่าจะลงหกโมง หรือ เจ็ดโมงก็ตาม ผงกหัวมาดู แล้วก็นอน หรือ ไม่ก็เฉย ๆ ไป แต่หากเป็นวันหยุด หรือ เสาร์อาทิตย์ ซึ่งจะลงมาแบบชุดนอนประมาณ 7-8 โมง ติ๊กจะมารอตรงบันได ตั้งกะได้ยินเสียงลูกบิด นั่งคอตั้ง พอลงมาก็ส่งเสียงโว้ว โว้ว แหลม ๆ แล้ววิ่งเข้ามากระโจนใส่แล้วก็หุนหันไปทางหน้าบ้านริมรั้ว หันมามอง พร้อมกระโดดเหย็ง ๆ หน้ารั้ว ทำอาการแบบอยากออกไป หากเราทำเฉย ติ๊กจะวนมาทำการกระโจนอีก แล้วทำอย่างนี้สักพัก จนกว่าจะได้ออกไปเดิน เป็นกรณีพิเศษ เคยถามติ๊กว่า มึงรู้ได้งัยว่าวันนี้วันหยุดวะ ติ๊กไม่ตอบ และติ๊กทำอย่างนี้ทุกครั้ง
หยุดสามวันนี้ ติ๊กทำท่านี้ วันที่ 28 เราบอกว่า ไว้ก่อน ๆ ติ๊ก ติ๊กทำท่ากระโดดสองสามทีก็เลิก พอวันที่ 29 ติ๊กทำอีก เราก็บอก พรุ่งนี้ ๆ นะติ๊กไปแน่ ๆ เราสัญญากันไว้อย่างนั้น ช่วงสาย ๆ ของวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 ติ๊กก็จากเราไปอย่างไม่ได้ทันร่ำลา เป็นการจากแบบไม่คาดฝัน เราเคยคิดไว้ว่าติ๊กที่อายุมากกว่าสิบปี ในวันที่เราใกล้จะถึงหกสิบ วันที่จะต้องมาอยู่กับเพื่อน เราแอบคิดไว้ว่า วันที่ติ๊กมันแก่มากแล้ว มันจะต้องเจ็บป่วยแบบหมาแก่ เราจะดูแลติ๊กอย่างไร เราจะทนเห็นติ๊กแบบนั้นได้ไหม หรือ เราเองจะเป็นฝ่ายตายไปก่อนติ๊ก ทั้งหมดนี้ ติ๊กไม่รอให้มันเกิดขึ้น ติ๊กจากเราไปก่อนแบบไม่ให้เราต้องเห็นสิ่งที่เราคิดไว้
ติ๊กคือ เพื่อนที่สนิทกันมากที่สุด ติ๊กคงมองเราเป็นเพื่อนเช่นเดียวกันนะ ติ๊กหมดกรรมแล้ว ไม่ต้องลำบากอีกต่อไป ไปใช้ชีวิตที่สนุกสนานของเอ็งในภพภูมิที่ดีต่อไปนะติ๊ก
ไอ้หมาดอย หมาตลาดนัด ไอ้หน้าแหลม อีติ๊กแสนซน
บันทึก 30.07.2566
หลับให้สบายนะติ๊ก เพื่อนรัก